หนังจระเข้ไทย
เป็นที่ทราบกันว่า ผลพลอยได้จากจระเข้ที่เห็นได้อย่างชัดเจนและมีการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามามากที่สุด คือเครื่องหนังนั่นเอซึ่งมีมูลค่ากว่า 50% ของผลผลิตที่ได้จากจระเข้ ในกรณีที่เป็นหนังดิบจะได้ราคาหนึ่ง แต่ถ้าเป็นหนังที่ฟอกแล้วจะได้อีกราคาหนึ่ง ซึ่งมีราคาที่สูงขึ้น ในปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่มีการส่งออกเครื่องหนังจระเข้ทั้งที่เป็นหนังดิบและหนังที่ฟอกแล้วไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและประเทศในแถบยุโรป

เชื่อหรือไม่ว่า หนังจระเข้ของไทยนั้นเป็นที่ต้องการของต่างประเทศ เพราะว่าหนังจระเข้ไทยนั้นสวยที่สุดในโลก เพราะหนังท้องมีการเรียงตัวของเกล็ดได้อย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่จระเข้สายพันธุ์อื่น ทั้งออสเตรีย อเมริกา มีการเรียงตัวของเกล็ดที่ค่อนข้างจะกระโดด

จะมีความเป็นหนังด้านคลาสสิค ซึ่งดูได้จากปริมาณแคลเซียมที่อยู่ในหนัง ถ้าเป็นหนังที่คลาสสิคจะไม่มีกระดูกอยู่ในหนังเลย สังเกตได้จากหนังที่ฟอกแล้ว ถ้าหากว่ายังมีเม็ดตะปุ่มตะป่ำ แสดงว่าเป็นหนังที่ไม่คลาสสิคซึ่งมีความยืดหยุ่นและคงทนน้อยกว่าหนังคลาสสิค

สำหรับพันธุ์ที่มีความสำคัญที่สุดในเชิงการค้าคือพันธุ์ไทยแท้ เพราะหากเป็นพันธุ์ต่างประเทศหนังท้องจะไม่สวยเหมือนพันธุ์ไทย คือ จระเข้จะแบ่งออกเป็นจระเข้แท้และเทียม พันธุ์ที่มีนำเข้ามาทำกระเป่าหนังเป็นลายกระดูก พันธุ์ที่เป็นคอกเคอไดจะแบ่งเป็นคลาสสิค กันนอน-คลาสสิค คลาสสิคจะมีอยู่ประมาณ 5 พันธุ์ ของไทยจะเป็น 1 ใน 5 ของหนังคลาสสิค และในหนังคลาสสิคต้องมาดูว่าลายท้องของใครจะสวยกว่ากัน

ซึ่งเมื่อเทียบดูแล้วพันธุ์ไทยมีการเรียงตัวของเกล็ดหนังท้องได้ เป็นระเบียบเรียบร้อยที่สุด เรียกได้ว่าจระเข้พันธุ์ไทยมีหนังที่สวยที่สุดในโลก